picwant.com

แทมมี่ อับราฮัม เกิดในวันที่ 2 ตุลาคม 1997 เขาเกิดในแคมเบอร์เวลล์ ของกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ครอบครัวของเขาเป็นชนชั้นกลาง พ่อของเขาเป็นชาวไนจีเรียที่อพยพมาจากบ้านเกิด เพื่อมาแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าในประเทศอังกฤษ และแม่ของเขาเป็นชาวอังกฤษ

ในช่วงวัยเด็ก เขามีความสามารถในเรื่องของการแสดงเป็นอย่างมาก ซึ่งในตอนนั้นหากเขาจะหันไปเอาดีทางด้านการแสดงเขาก็คงมีอนาคตอันสดใสอย่างแน่นอน อับราฮัม มีความรักและชื่นชอบในการแสดงเป็นอย่างมาก แต่ในชีวิตของเด็กผู้ชายเกือบทุกคน ส่วนใหญ่ก็จะมีฟุตบอลเป็นกีฬาในดวงใจ ซึ่งก็รวมถึง แทมมี่ อับราฮัม ด้วย

เมื่อเขาอายุ 8 ขวบ อับราฮัม ได้เข้าไปฝึกกับอคาเดมีของสโมสรเชลซี ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจเลือกระหว่าง เชลซี กับ อาร์เซนอล ทีมโปรดของเขา ซึ่งเหตุผลที่ อับราฮัม เลือกเชลซี ก็เพราะเขามี  ดิดิเยร์ ดร็อกบา ตำนานนักเตะของเชลซีเป็นนักเตะในดวงใจของเขา ซึ่ง อับราฮัม มีความคิดที่จะเดินตามรอยของนักเตะในดวงใจของเขา และในวันแรกที่เขาเข้ามาในเชลซี เขาก็ได้พบกับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ฮีโร่ของเขา ที่รับเขาขึ้นรถแล้วพาเขามายัง เชลซี

ทั้งนี้มันเป็นเรื่องยากเอามากๆ สำหรับเด็กชายที่เข้ามายัง เชลซี เพื่อตามหาความฝันของตัวเอง เนื่องจากเชลซี เป็นสโมสรใหญ่ ที่มีการคัดเลือกนักเตะดาวรุ่งเข้ามาในทีมตลอดเวลา แต่สำหรับ แทมมี่ อับราฮัม แล้ว เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ก้าวตามเส้นทางของนักเตะดาวรุ่ง ด้วยการตั้งใจฝึกซ้อม และฝึกฝนอย่างหนักอยู่ตลอดเวลา เขาเริ่มเล่นในกับทีมเยาวชนของเชลซี รุ่นอายุไม่เกิน 8 ปี และได้ไล่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ

จนในช่วงฤดูกาล 2014-2015 อับราฮัม อายุได้ 17 ปี  ก็ได้สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมในทีมเยาวชน เขามีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม และมีสถิติการทำประตูที่โดดเด่น โดยในถ้วย เอฟเอ ยูธ คัพ ที่เขาลงสนามไป 6 นัด เขาสามารถทำประตูได้ถึง 7 ประตู ซึ่งสถิติในการลงสนามของเขาในปี 2014-2016 เขาลงสนามไปทั้งหมด 98 นัด และทำประตูไปมากถึง 74 ประตู ซึ่งเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมหากเทียบกับนักเตะในวัยเดียวกัน

และด้วยฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นของเขา ทำให้เขาได้รับความสนใจจาก กุส ฮิดดิงค์ ผู้จัดการทีมของเชลซีในตอนนั้น และในช่วงปลายฤดูกาล 2015-2016 กุส ฮิดดิงส์ ก็ได้เรียกตัวเขาให้ไปฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของเชลซี แต่การแย่งชิงตำแหน่งในทีมชุดใหญ่ของเชลซีนั้นมันเป็นเรื่องที่ยาก ในปี 2016-2017 เขาถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ บริสตอล ซิตี้ ทีมในลีกแชมเปียนชิพ ในช่วงเวลานั้น เขาสามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จากสถิติการลงสนาม 41 นัด ยิงไป  23 ประตู และเขาได้รับการโหวตของเพื่อนร่วมทีมให้เป็นนักเตะดาวรุ่งและยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสร แต่หลังจากนั้น เขาก็ยังถูกปล่อยตัวไปเล่นให้กับสวอนซี ซิตี้ ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นทีมที่อยู่ในพรีเมียร์ลีก ด้วยสัญญายืมตัวอีกครั้ง ในปี 2017-2018 ซึ่งในช่วงเวลานั้น เชลซี ได้ตัดสินใจต่อสัญญากับเขาไปอีกเป็นเวลา 5 ปี  เขาลงสนามให้กับสวอนซี ซิตี้ไป 31 นัด ทำไป 5 ประตู แต่ก็ไม่สามารถช่วยทีมให้พ้นจากการตกชั้นไปได้

แทมมี่ อับราฮัม ถูกปล่อยตัวไปแบบสัญญายืมตัวเป็นครั้งที่สาม ให้กับ แอสตัน วิลล่า ในปี 2018-2019 ซึ่งในตอนนั้น แอสตัน วิลล่า มี จอห์น เทอร์รี่ เป็นผู้จัดการทีม และ อับราฮัม กลายเป็นนักเตะคนแรกของ แอสตัน วิลล่า ที่สามารถทำประตูได้ถึง 20 ประตูภายในฤดูกาลเดียว อับราฮัมกลายเป็นนักเตะที่มีส่วนสำคัญพาแอสตัน วิลล่า กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง นับตั้งแต่ที่ตกชั้นไปเมื่อปี 2015-2016

หลังจากจบสัญญายืมตัวกับแอสตัน วิลล่า ในปี 2019-2020 แทมมี่ อับราฮัม กลับมายังเชลซีอีกครั้ง และเป็นการลงสนามเป็นตัวจริงในทีมชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด โดยเขาให้สวมเสื้อหมายเลข 9 ในช่วงแรกของฤดูกาลกับเชลซีเขาทำผลงานออกมาไม่ดีนัก ทำให้ถูกวิจารณ์จากสื่อและแฟนบอล จนทำให้เขาพลาดในการยิงจุดโทษในเกม ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ที่ต้องแพ้ให้กับลิเวอร์พูล จนเขาต้องตกเป็นเป้าในการโจมตีของแฟนบอลด้วยการเหยียดสีผิว และถึงกับขู่ที่จะเอาชีวิต แต่ด้วยการที่ขามีครอบครัวที่คอยให้กำลังใจมาตลอด และรวมถึงการได้รับกำลังใจจากเพื่อนนักฟุตบอลด้วยกัน ทำให้เขากลับมามีกำลังใจอีกครั้ง จนเขากลับมาทำผลงานอันยอดเยี่ยมได้ ด้วยการยิงประตูในเกมพรีเมียร์ลีกใน 3 เกมติดต่อกัน

และเขาก็กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถทำแฮตทริคกับเชลซีในเกมพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ในเกมที่ชนะ วูลฟ์ ไป 5-2 นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสอง ที่สามารถยิงประตูได้ 10 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีก ซึ่งรองมาจาก อาร์เย่น ร็อบเบน

ในปี 2021 โรม่า ทีมดังในกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี ได้ประกาศคว้าตัว แทมมี่ อับราฮัม กองหน้าดาวรุ่งรายนี้ไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 40 ล้านยูโร พร้อมกับโบนัสอีกจำนวนหนึ่ง โดยสัญญาจะสิ้นสุดในปี 2026 ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของเขาเป็นอย่างมาก เขาทำผลงานได้ดี จากการฝึกฝนของ โชเซ่ มูรินโญ่  สุดยอดกุนซือ ที่ทำให้เขากลับมาเป็นดาวยิงที่เก่งกาจได้อีกครั้ง

ผลงานในทีมชาติ ก่อนที่เขาจะมีชื่อติดในทีมชาติอังกฤษ อับราฮัม เคยถูกทาบทามให้ไปเล่นให้กับทีมชาติไนจีเรีย แต่ อับราฮัม ได้ออกมาเปิดเผยในภายหลังว่า เขาก็เลือกเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษเนื่องจากเป็นสไตล์การเล่นที่เขาถนัด แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็มีความจงรักภักดีและให้เกียรติกับทั้ง 2 ชาติของเท่าเทียมกัน

ในปี 2017 อับราฮัม ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และในปี 2019 เขาก็ได้ติดทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้ง ในเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโร 2020 ซึ่งเป็นการลงสนามเป็นครั้งแรกให้กับทีมชาติอังกฤษ และสามารถทำประตูแรกให้กับตัวเองในนามทีมของชาติได้อีกด้วย

สมัครสมาชิกวันนี้รับโปรโมชั่น

เล่นครบ1000รับฟรีหมอน656
สมัครวันนี้300รับฟรีกระเป๋าผ้า656 ครบ 500 รับฟรีเสื้อมหาเฮง
ฝาก1000รับฟรี แก้วเยติ